ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของ เด็กหญิง กัญญารัตน์ คงอินทร์ เลขที่ 38 ม.2/2 โรงเรียน พิมานพิทยาสรรค์ ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

ผู้ที่เป็นเบาหวานควรรับประทานอาหารอย่างไร

                                    

ผู้ที่เป็นเบาหวานควรรับประทานอาหารอย่างไร

     ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรเรียนรู้ชนิดและปริมาณของอาหารที่รับประทาน และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ประกอบด้วยข้าวหรืออาหารแป้งอื่น ๆ เนื้อสัตว์ไม่ติดทัน ไข่ น้ำนมพร่องมันเนย ผักทั้งสีเขียวและสีเหลือง ผลไม้ที่หวานน้อยในปริมาณที่แนะนำ สำหรับไขมันควรเลือกน้ำมันพืช จำพวกน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำ น้ำมันถั่วลิสง ในการผัดแทนการทอดเลี่ยงการใช้ไขมันอิ่มตัวเป็นประจำ เช่น น้ำมันหมู กะทิ เนย ฯลฯ 

     อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานมิได้แตกต่างไปจากอาหารที่รับประทานกันในครอบครัว เพียงแต่ผู้เป็นโรคเบาหวานต้องคำนึงถึงปริมาณอาหารแต่ละชนิดที่ได้รับโดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาล แป้งและไขมัน ซึ่งจะมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือด

     ปริมาณข้าวหรือแป้งชนิดอื่นที่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมิได้แตกต่างไปจากอาหารที่รับประทานกันในครอบครัว เพียงแต่ผู้เป็นโรคเบาหวานต้องคำนึงถึงปริมาณอาหารแต่ละชนิดที่ได้รับโดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาล แป้งและไขมัน ซึ่งจะมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือด



     ปริมาณข้าวหรือแป้งชนิดอื่นที่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้รับ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ควรเหมาะกับน้ำหนักตัว และแรงงานที่ใช้ เช่น หญิงที่น้ำหนักตัวปกติและทำงานเบารับประทานข้าวได้มื้อละ 2 – 3 ทัพพีเล็ก ชายที่ไม่อ้วนทำงานเบาถึงปานกลาง รับประทานข้าวได้มื้อละ 3 – 4 ทัพพีเล็ก

ข้าว 1 ทัพพีเล็ก = ขนมปังปอน 1 แผ่น
หรือ             = ก๋วยเตี๋ยว 1 ทัพพี
                  = ขนมจีน 1 ทัพพี

     *ทัพพีเล็ก หมายถึง ทัพพีในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ตักพูนพอควร ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรใช้แนวทางการเลือกอาหารที่แนะนำไว้ และก่อนรับประทาน

     อาหาร ควรสำรวจรายการอาหารก่อน ถ้าเป็นอาหารบุพเฟ่ซึ่งมีอาหารหลากหลายควรดูให้ทั่ว และวางแผนการรับประทานอาหารในมื้อนั้นควรตักข้าวในปริมาณที่เคยรับประทาน ถ้าต้องการรับประทานทั้งข้าวและขนมปัง หรือแป้งชนิดอื่นด้วย ควรลดปริมาณแต่ละอย่างลง เลือกกับข้าวที่มีไขมันน้อยและมีผักมาก เช่น ต้ม ย่าง ยำ และผัด เนื้อสัตว์ตัดส่วนที่ติดมันและหนังออก เลี่ยงน้ำจิ้มที่มีรสหวาน หรือจิ้มแต่น้อย

     ผู้เป็นโรคเบาหวานอาจรับประทานขนมได้บ้างเป็นครั้งคราว แต่ควรเลือกขนมที่หวานน้อย และต้องวางแผนลดข้าว อาหารที่มีไขมัน รวมทั้งงดผลไม้ในมื้อนั้นด้วย ทั้งนี้เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เช่น ถ้ารับประทานเค้ก 1 ชิ้นเล็ก (ขนาด 1 x 1 นิ้ว) หรือถ้าขนมที่มีน้ำเชื่อม เช่น ซาหริ่ม ทับทิมกรอบ ให้ตักเพียงครึ่งถ้วย และลดข้าวลงประมาณ 1 ทัพพีจากที่เคยรับประทานไม่ควรงดข้าวและรับประทานแต่ขนมเพราะจะทำให้ไม่สามารถควบคุมรับน้ำตาลในเลือดได้และไม่ควรรับประทานขนมที่หวานจัดมาก เช่น ขนมเชื่อม ทองหยิบ ทองหยอด สังขยา การรับประทานขนมหวานนี้ ผู้เป็นโรคเบาหวานควรรับประทานแต่น้อย พอคลายความ อยากเท่านั้น และไม่ควรทำบ่อย อาจทำในขณะที่ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเท่านั้น สำหรับเครื่องดื่ม ควรเลือกน้ำเปล่าหรือโซดาแทนน้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากจะดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ควรดื่มหลังจากรับประทานอาหารไปแล้ว และดื่มแต่เพียงเล็กน้อย เช่น เบียร์หรือไวน์ ไม่เกิน 2 แก้ว ถาเป็นวิสกี้เจือจาง (45 มิลลิลิตร) ไม่เกิน 2 แก้ว สำหรับผู้ที่ยังติดรสหวาน อาจใช้น้ำตาลเทียม ซึ่งให้รสหวาน แต่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลใน เลือดเพิ่ม

ผู้ที่อ้วนและมีระดับไขมันในเลือดสูงควรรับประทานอย่างไร 

ผู้ที่อ้วนและมีระดับไขมันในเลือดสูงควรเลี่ยงอาหารที่มีโคเลสเตอรอล เช่น เครื่องในสัตว์ 

     เนื้อติดมัน หนังเป็ดไก่ ไข่แดง รวมทั้งอาหารใส่กะทิ และเลี่ยงอาหารทอดและผัดที่มีน้ำมันมากควรเลือกรับประทานเนื้อไม่ติดมัน ปลา เต้าหู้ และทำโดยวิธีนึ่ง ต้ม ปิ้ง หรือย่าง ยำที่มีผักมาก และผัดที่ใช้น้ำมันน้อย รับประทานผักสีเขียวให้มากขึ้น เลือกผลไม้ที่มีรสหวานน้อย แทนขนมหวาน และเลี่ยงผลไม้ที่มีแต่รสหวานจัด เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก ลำไย ขนุน น้อยหน่า ฯลฯ ผู้ที่อ้วนควรลดปริมาณอาหารจำพวกข้าว ก๋วยเตี๋ยว และอาหารที่มีไขมันลง แต่ไม่ควรงดมื้ออาหาร

ถึงแม้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะรับประทานอาหารได้ทุกอย่างในปัจจุบัน แต่การที่จะควบคุม

     ระดับน้ำตาลในเลือดได้ ผู้เป็นโรคเบาหวานจำเป็นต้องเรียนรู้ปริมาณและชนิดอาหารที่ได้รับรู้จักแลกเปลี่ยนอาหาร อ่านข้อมูลในฉลกาโภชนาการ ซึ่งจะบอกปริมาณพลังงานคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน จะช่วยให้ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต และไขมันในอาหารได้ส่งผลให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และน้ำหนักตัวได้ดีขึ้น

     สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เป็นโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ คือ การปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้ถูกต้องไม่งดมื้ออาหาร แลรับประทานอาหารมื้อหลักและมื้อว่างให้ตรงเวลาหรือเวลาใกล้เคียงกันทุกวัน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมทั้งการรับประทานยาลดน้ำตาลในเลือดหรือฉีดยาตามที่แพทย์สั่งจะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน และมีคุณภาพชีวอตที่ดีได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น